พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก

ความก้าวร้าว
สตอรร์ กล่าวว่า แรงขับก้าวร้าว (aggressive drive) มีความจำเป็นต่อชีวิตเพราะทำหน้าที่พื้นฐานทางชีววิทยา เพื่อสงวนและดำรงไว้ซึ่งชีวิตของบุคคลและเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ ไม่แตกต่างจากสัญชาตญาณทางเพศ (sexual instinct) ไม่จำเป็น, ไม่ควร และ เป็นไปไม่ได้ ที่จะขจัดความก้าวร้าวในรูปแบบที่เหมาะสมออกไปจากชีวิตมนุษย์โดยสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่มีติดตัวมนุษย์มาแต่กำเนิดแล้ว ความก้าวร้าวในมนุษย์ยังเป็นลักษณะที่มีค่ายิ่งทางชีววิทยา เช่นเดียวกับความก้าวร้าวในสัตว์ชนิดอื่น ความก้าวร้าวในธรรมชาติมีไว้ป้องกันตนเอง เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ มากกว่า เพื่อทำลาย สิ่งที่ควรขจัดไม่ใช่ความก้าวร้าว แต่เป็น “การทำลายเยี่ยงศัตรู” ในลักษณะของ “ความรุนแรง” (violence)
ถ้าเรานึกถึงความก้าวร้าวในแง่สัญลักษณ์ของความชั่วร้ายเพียงประการเดียว เราก็จะกดเก็บไว้โดยสิ้นเชิง ซึ่งจะยิ่งทำให้แปรออกในรูปอื่นมากขึ้น โดยการใช้จิตกลไกต่าง ๆ เช่น ออกในรูปของความเศร้า เพราะใช้จิตกลไกชนิดหันเข้าหาตน (introjection) หรือ ออกเป็นอาการทางจิตสรีรวิทยา (psychophysiologic) จนเกิดอาการทางกายต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เกิดผลเสียทั้งสิ้น
ประวัติจากวัยเยาว์ จนถึงอายุ 19 ปี จากเอกสารรายงาน เอฟ.บี.ไอ และ รายงานจากคุกแสดงชัดเจนว่า นักโทษชาย 10 คน ที่มีประวัติก่อคดีร้ายแรงกว่า และก้าวร้าวมากกว่าเมื่อครั้งที่เขาอยู่ในวัยรุ่น มีระดับเทสโทสตีโรนสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติซึ่งเป็นการแสดงว่า เทสโทสตีโรนอาจมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงทางอาชญากรรมในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น
เมื่อกล่าวถึงความก้าวร้าวในทางทำลาย คนทั่วไปมักนึกถึงการทำลายผู้อื่นหรือสิ่งอื่นเสมอ ซึ่งเป็นลักษณะที่ก้าวร้าวพุ่งออกสู่ภายนอก แต่แท้จริงความก้าวร้าวอาจหันกลับเข้าหาบุคคลนั้นเองหรือพุ่งหาตนก็ได้ ทำให้คนนั้นเกิดอาการซึมเศร้า ซึ่งอาจรุนแรงจนถึงขั้นฆ่าตัวตาย ซึ่งก็คือ การก้าวร้าวอย่างทำลายเช่นกัน คือ ทำลายตนเอง
ความก้าวร้าวชนิดทำลายตนเองที่พบบ่อยตามหน้าหนังสือพิมพ์ มักเกิดในหนุ่มสาวหรือวัยรุ่น ซึ่งผิดหวังในความรักแล้วยิงตัวตาย หรือกินยาตาย
นักจิตวิเคราะห์หลายคน รวมทั้งสตอรร์ กล่าวว่า ความนับถือและความภูมิใจในตน (self-esteem) ของมนุษย์เรานี้ ส่วนใหญ่ได้มาแต่วัยเด็ก ถ้าหากมีปัญหาทางอารมณ์ในวัยเด็ก ซึ่งขัดขวางไม่ให้พัฒนาการไปจนถึงระยะความเป็นชายหรือหญิงได้อย่างสมบูรณ์ พอที่จะสามารถรักใครและมีใครรักได้ เขาผู้นั้นก็จะขาดบ่อเกิดของความนับถือและภูมิใจในตน
ความรักนี้สำคัญยิ่งนักที่จะทำให้คนเราเกิดความนับถือและภูมิใจในตน 
 
(Cr:https://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=1031)

Comments